วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555


ชีวิตของคนเราสั้นนิดเดียว ใช้เวลาไม่กี่ปีก็หมด ในเวลาที่น้อยนิดนี้
บางคนยังนึกไม่ออกว่าจะจัดการกับเวลาของตัวเองอย่างไรให้เหมาะสม
ครูบาอาจารย์สอนหลักไว้นะ
ให้เรารู้จักคัดกรองขอบเขตการเรียนรู้ไว้ ให้พอเหมาะกับเวลาที่มีอยู่
ในโลกนี้มีเรื่องราวมากมาย พวกเราต้องรู้จักคัดกรอง พิจารณาดูกันเอง
เรื่องราวมากมายในโลก บางสิ่งมีสาระ บางสิ่งไม่มีสาระ
ในสิ่งที่มีสาระนั้น บางสิ่งมีประโยชน์ บางสิ่งไม่มีประโยชน์
ในสิ่งที่มีประโยชน์นั้น บางสิ่งเหมาะสมกับเรา บางสิ่งไม่เหมาะสมกับเรา
เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมกับเร
ก็ลงมือปฏิบัติทำเหตุสิ่งนั้นให้เต็มที่ให้สุดความสามารถ
เมื่อเราทำเหตุให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามเวลาที่จำกัดของพวกเราแล้วนั้น
ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรไม่สำคัญแล้ว เพราะได้ทำในสิ่งที่สมควรแล้ว
ถึงเวลาเมื่อเราหมดอายุลง เราจะไม่รู้สึกเสียดายเวลาอันน้อยนิดของมนุษย์นี้เลย
นี่เรียกว่า ใช้ชีวิต ไม่ใช่ถูกชีวิตใช้

...จาก...หมอกใสในป่าพุทธ...

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555



อย่าคิดติดลบ

"เราทุกคนมีแสงสว่าง
ที่คอยส่องนำทางคนละ ๑ ดวง
ขึ้นอยู่ที่เราจะมองเห็น
และูรู้จักนำมาใช้หรือเปล่า ..ก็เท่านั้น"

หากชีวิตต้องเจอจุดวิกฤติที่สุด
เป็นช่วงเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่
มองไปทางไหนก็หดหู่ เหี่ยวเฉา
เหงา ไม่รักตัวเอง สิ้นหวังกับทางที่เลือกเดิน
อิจฉาริษยาผู้ที่ประสบความสำเร็จ
เหยียบย่ำหรือดูถูกตัวเองตลอดเวลา
คอยมองโลก มองผู้คน มองสังคมไปในแง่ร้าย
มันเป็นลักษณะของ..
..คนที่ไม่รักตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ..
ความอ่อนแอ ทำให้เราคิดติดลบกับชีวิต
และสิ่งรอบข้างได้ แต่ถ้าเรามัวจมปลัก
อยู่กับความรู้สึกนั้น ให้พึงรู้ว่า ..
สิ่งเหล่านี้คือตัวการบดบังแสง ๑ ดวงนั้น

จงหยิบยื่นความศรัทธาให้กับตัวเอง
ไม่ยึดติดเปรียบเทียบตัวเรากับใคร
ไม่ทับถมตัวเองในทุกๆเรื่อง กับภาวะที่เผชิญอยู่
ให้โอกาสตัวเองอย่างเต็มที่ในการแก้ไขและพัฒนา
แสง ๑ ดวงนั้นจะส่องสว่างเมื่อ
ความคิดติดลบหยุดพัดไหว
สร้างเกราะหัวใจ ด้วยการคิดบวก
จากจิตใจแห่งรักและกรุณาต่อตนเอง
ให้พึงรู้อย่างลึกซึ้งว่าชีวิตนั้น
มีคุณค่า และมีเพียงชั่วครู่
หากแต่บัดนี้ เราได้สิ่งนี้มา
ก็จงรักษาไว้ด้วยความทนุถนอมและขัดเกลา
ให้ชีวิตได้เป็นชั่วครู่ ที่ดีที่สุด.. ฯ

~ของฝากจาก..ศาลาปันยิ้ม ~....เพียงพบพาน เพื่อผ่านภพ


ไม่ต้องกลัวหรอกว่าวันร้ายๆ จะอยู่กับเรานาน
ตราบใดที่โลกยังหมุนอยู่ตลอด เวลา
ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาก็จะต้องผ่านไปทั้งนั้น
จะเป็นไรไป หากชีวิตจะมีวันร้ายมากหน่อ
วันดีน้อยหน่อย ดีเสียอีกที่เป็นอย่างนี้
เรา จะได้เรียนรู้คำว่า "ชีวิต" ได้อย่างเต็มที่
ให้คุ้มค่ากับที่ได้เกิดมา เป็นคน


....คำคมธรรมะ เตือนใจ...


วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555


ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของแต่ละคนต่างกัน
ความรู้สึกรักแม่ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน
แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเรารู้เหมือนๆกัน คือ
ถ้าไม่มีแม่ ก็จะไม่มีเราอย่างที่กำลังเป็นอยู่

บางคนนึกได้ว่าตัวเองมีแม่
ก็เมื่อโลกนี้ไม่มีแม่แล้ว
นับเป็นเรื่องน่าเสียใจ
แต่ต่อให้เสียใจจนใจขาด
ก็ทำโลกนี้ให้มีแม่ขึ้นมาใหม่ไม่ได้อีก

คิดย้อนหลังไว้ล่วงหน้าเลยครับ
วันที่แม่คุณนอนนิ่งๆอยู่บนเตียง
แล้วลุกขึ้นมาพูดกับคุณไม่ได้อีก
คุณจะเสียใจที่เคยมีโอกาสแล้วไม่ทำอะไรเพื่อท่านบ้าง
ให้รีบขวนขวายทำเป็นสิบเท่าทวีคูณ
แล้วพอวันนั้นมาถึงเข้าจริง
คุณก็จะไม่เสียใจเลยจริงๆ

ดังตฤณ

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555


• การเริ่มต้นคิด 
พูด หรือทำอะไรบางอย่าง
เกี่ยวกับบุคคลชั้นเลิศ
เช่นสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า 

ผู้เป็นมหาบุรุษ
ผู้ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง
ผู้ชี้ทางสว่าง
ผู้เป็นต้นทางออกจากวังวนทุกข์
ผู้ไม่มีใครในสามโลกเสมอเหมือนนั้น

จะก่อให้เกิด
แรงดึงดูดเข้าหากรรมขาว
หรือกรรมดำ
ได้เข้มข้นกว่ากรรมชนิดอื่น

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• การคิด พูด ทำ กับพระพุทธเจ้า
จะเบี่ยงเบนจากเส้นทางเดิมได้เร็วที่สุด

: เหมือนพระองค์ท่าน
เป็นกระจกขยายพลังกรรม
ส่งแสงขาวเข้าไปกระทบ
ก็สะท้อนแสงขาวกลับออกมา

ส่งกระแสมืดเข้าไปกระทบ
ก็สะท้อนกระแสมืดกลับออกมา
ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างน่าตกใจ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• จิตที่เต็มดวงในทางคิดดี
และเลื่อมใสพระพุทธเจ้า
จะทำให้มีแต่เรื่องดีเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด

แต่จิตที่เต็มดวงในทางคิดร้าย
และหมิ่นพระคุณพระผู้มีพระภาคเจ้า
จะทำให้มีแต่เรื่องร้ายมากมายเกินคำนวณ

เพราะบุคคลเมื่อเลื่อมใสผู้ใด
ย่อมยอมรับและซึมซับ
แนวคิดในการดำเนินชีวิตของผู้นั้นมามากเสมอ

>> 7 เดือนบรรลุธรรม

ดั ง ต ฤ ณ

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555



• คนเราถ้าไม่เข้าที่มืดถึงที่สุด 
ก็จะไม่ดิ้นรนหาความสว่าง 

: เมื่อออกที่สว่างได้ถาวร 
ก็จะหันกลับไปขอบคุณความมืดชั่วคราว 
ที่ช่วยผลักดันให้ 

• เพราะฟ้ามืด
เราจึงเห็นแสงจันทร์กระจ่างสวย 
เพราะชีวิตเป็นทุกข์
เราจึงเห็นธรรมะสว่างใส

• ธรรมชาติจะไม่ใจร้ายกับคุณจนเกินไป 
ถ้าไม่มีทางออกที่ดีที่สุด 
ก็มักเหลือทางเลือกที่ดีน้อยที่สุดไว้ให้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• สิ่งที่จะช่วยให้คุณรู้สึกเข้มแข็งขึ้น
คือความสามารถในการผ่านทุกข์ 
ไม่ใช่ความสามารถในการเสวยสุข

• ความเข้มแข็งที่แท้จริง
ไม่ใช่ความสามารถในการทนได้
แต่เป็นความสามารถยอมรับตามจริง ว่าโลกไม่เที่ยง
เพราะเมื่อรับมือได้
โลกก็ทำให้ใจหวั่นไหวไม่ได้ด้วยเหตุดีร้ายใดๆ

• ความสามารถที่จะเห็นทุกข์ เป็นของไม่เที่ยง
คือความสามารถจะเป็นสุขได้
ในท่ามกลางกองทุกข์ อันใหญ่หลวง

• ในวันที่ทุกสิ่งดูผิดพลาดไปหมด 
ขอเพียงเหลือใจที่ถูกต้องไว้ดวงเดียวก็พอ 
แล้วใจจะพาทุกอย่างจะกลับเข้าที่เข้าทางไปเอง

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• สิ่งร้ายเริ่มกลายเป็นดี 
ตั้งแต่ธรรมะดีๆ
มาประดิษฐานที่กลางใจครับ

ดั ง ต ฤ ณ
• http://www.facebook.com/dungtrin

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555




• คำโกหกไม่เคยมีอำนาจพอจะเปลี่ยนแปลงความจริง 
แต่มีพลังดัดจิตคนโกหก
ให้บิดเบี้ยวได้คนหนึ่ง

• บอกความจริงแล้วตระหนก ดีกว่าโกหกแล้ววิบัติ

• อย่าเลือกงานที่บังคับให้คุณต้องโกหกเรื่อยๆ
เพราะหลังจากเวลาผ่านไป
อาจไม่มีความชั่วร้ายใดเลยที่คุณทำไม่ได้

• บางทีการพูดความจริงให้น่าเชื่อ
อาจยากกว่า พูดให้คนเชื่อเรื่องโกหกเสียอีก
โดยเฉพาะถ้าความจริงนั้น
ดันไม่ตรงกับความเชื่อของคนฟัง

: เรื่องไหนจริง เวลาจะเข้าข้างเอง

• บางครั้งพูดให้ดีที่สุด ก็ฉลาดสู้นิ่งเงียบไม่ได้

ดั ง ต ฤ ณ
• http://www.facebook.com/dungtrin


• คุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ 
แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ

• การยอมไม่ได้ 
การอภัยไม่ได้ 
คือเรื่องธรรมดา
ของคนที่คิดแบบพุทธไม่เป็น

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ความเจ็บใจที่มีแต่การนึกถึงใบหน้าคู่กรณี
จะยกระดับเป็นความอาฆาตแค้น
ความเจ็บใจที่ค่อยๆ นึกถึงทางออกร่วมกัน
จะลดระดับลง
เป็นความรู้สึกอภัยได้

• นิสัยไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใคร
ทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อยทำใจนัก เมื่อต้องอภัย
แต่คุณก็จำเป็นต้องฝึกอภัยไว้มาก
กว่าจะสร้างนิสัย
ไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใครได้เป็นปกติ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
โดยเฉพาะตอนเอาชนะความเกลีย
และตอนเลิกถือสาหาความใครต่อใคร
เอาความเปรอะเปื้อนออกจากใจเสียได้

• เป็นไปไม่ได้
ที่จะอภัยศัตรูขณะถือความเกลียดเป็นมิตร
แต่เป็นไปได้ที่จะอภัยมิตร
ขณะถือความเกลียดเป็นศัตรู

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• อย่าเอาแต่สวดแผ่เมตตา
ให้ทำใจเป็นเมตตาด้วย "ความเข้าใจ" กันด้วย

: ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ทำให้คนเรา "อภัยได้จริง"
ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ช่วยให้เรายัง มองหน้ากันได้ติด
และความเข้าใจนั่นแหละ
ที่จะยุติเรื่องเลวร้าย

ดั ง ต ฤ ณ
• http://www.facebook.com/dungtrin

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555



• คนที่ทำให้เจ็บใจ คือเขา
คนที่เอาเขามาใส่ใจ คือคุณ 

• คุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ
แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ

• การอภัยเป็นอะไรมากกว่าการแกล้งลืมครับ
มันคือการยกเอาโทษออกจากใจเราเอง
พอใจพ้นโทษจริง ก็พบความสุขแท้นะ

• ความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
โดยเฉพาะตอนเอาชนะความเกลีย
และตอนเลิกถือสาหาความใครต่อใคร
เอาความเปรอะเปื้อนออกจากใจเสียได้

• นิสัยไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใคร
ทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อยทำใจนักเมื่อต้องอภัย
แต่คุณก็จำเป็นต้องฝึกอภัยไว้มาก
กว่าจะสร้างนิสัยไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใครได้เป็นปกติ

• เวรที่ยืดเยื้อ
เริ่มต้นจากเวรที่อภัยได้แล้วไม่อภัย

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ก่อนอื่นต้องมองว่า
ตอนใครทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจมากๆนั้น

: คือรูปแบบหนึ่งของการโดนทวงหนี้
เมื่อมองอย่างนี้คุณจะเต็มใจให้อภัย
และทราบชัดจากความเบาหัวอก
ว่าหนี้เก่าถูกชำระแล้ว
อาจต้องผ่อนส่งหลายครั้ง
หรืออาจเหมารวบเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว

• สรุปคือเมื่อถูกทำให้แค้น
แล้วไม่คิดแก้แค้น
เรียกว่าเป็นการใช้หนี้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• การอภัยไม่ต้องเสียอะไรเพิ่

: การจองเวรสิต้องเสียยิ่งกว่าเดิมไม่รู้เท่าไหร่
ทั้งเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ
บุญบาปทำหน้าที่อยู่แล้ว
เราปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างเอง
เดินเอง และเสวยผลเองน่ะดีที่สุด
ถ้าผูกใจเจ็บก็เท่ากับ
พลอยกระโจนไปร่วมรับบาปอย่างใดอย่างหนึ่ง
บนเส้นทางของเขาด้วย

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• อย่าเอาแต่สวดแผ่เมตตา
ให้ทำใจเป็นเมตตาด้วยความเข้าใจกันด้วย
ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ทำให้คนเรา อภัยได้จริง
ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ช่วยให้เรายัง มองหน้ากันได้ติด
และความเข้าใจนั่นแหละ
ที่จะยุติเรื่องเลวร้าย

• ให้อภัยคนเลวหมดใจ
แล้วจะรู้สึกว่าต้องไปเกี่ยวข้องกับคนเลวน้อยลง

- ดังตฤณ -
http://www.facebook.com/AskDungtrin
" ตัดเวรตัดกรรม "

พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า ใครทำกรรมใดไว้
ได้รับผลของกรรมนั้นแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไปทำพิธีตัดกรรมก็เป็นการลบล้างคำสอนของพระพุทธเจ้า

กรรมใดใครก่อลงไปแล้ว ใจเป็นผู้จงใจ
คือ เจตนาที่ทำลงไป พอทำลงไปแล้วกรรมอันเป็นบาป

ต่อเมื่อภายหลัง เรามานึกว่าเราไม่ต้องการผลของบาป
มันก็หลีกเลี่ยงปฏิเสธไม่ได
เพราะใจเป็นผู้สั่งให้ กาย วาจา ทำลงไป พูดลงไป
ใจตัวนี้ต้องรับผิดชอบโดยความเป็นธรรม โดยหลักของธรรมชาติ

เพราะฉะนั้น การที่เราจะไปทำพิธีตัดกรรม
นี่หมายถึง ตัดผลของบาป มันตัดไม่ได้ อย่าไปเข้าใจผิด
ถ้าหากพระองค์ใดแนะนำว่า
ทำบาปแล้วตัดกรรมได้ อย่าไปเชื่อ

ขอให้พุทธบริษัททั้งหลาย จงปลูกฝังนิสัยให้เด็กของเร
ในข้อนี้เป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญที่สุด
ถ้าเด็กๆ ของเราไปเข้าใจว่า ทำบาปทำกรรมแล้วไปทำพิธีตัดกรรม
แล้วมันหมดบาป ประเดี๋ยวเด็กๆ มันทำบาปแล้วไปหาหลวงพ่อ
หลวงพี่ ตัดบาปตัดกรรมได้ มันก็ไม่เกิดความกลัวต่อบาป
เพราะฉะนั้น อย่าไปเข้าใจผิดว่า
ทำกรรมอันเป็นบาป แล้วตัดกรรมให้มันหมดไป
มันเป็นไปไม่ได้ แต่ตัดเวรนี่มีทาง

เพราะ เวร หมายถึง การผูกพยาบาทอาฆาต
คอยแก้แค้นกันอยู่ตลอดเวลา
อย่างเราฆ่าเขาตาย บางทีนึกถึงบาปกรรม
กลัวว่าเขาจะอาฆาตจองเวร
เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา
ถ้าหากว่าเขาได้รับส่วนกุศลจากเรา เขาได้รับความสุข
เขาเลื่อนฐานะจากภาวะที่ทุกข์ทรมานไปสู่ฐานะที่มีความสุข
เขานึกถึงคุณงามความดี ถึงบุญถึงคุณของเรา
เขาก็อโหสิกรรมให้แก่เรา ไม่ตามล้างตามผลาญกันอีกต่อไป
หรืออย่างเช่น เราอยู่ด้วยกันทำผิดต่อกัน
เมื่อปรับความเข้าใจกันได้แล้ว
เราขอโทษซึ่งกันและกัน
ต่างฝ่ายต่างยกโทษให้กัน
เวรที่จะตามมาคอยจองล้างจองผลาญกันมันก็หมดสิ้นไป
แต่ผลกรรมที่ทำผิดต่อกันนั้นมันไม่หายไปไหนหรอก

บาปที่ทำแล้วมันแก้ไม่ได้
แต่นิสัยชั่วที่เราประพฤติอยู่นั้น มันแก้ไขได้
ท่านให้แก้กันที่ตรงนี้

หนังสือฐานิยปูชา 80 ปี หลวงพ่อพุธ ฐานิโย