วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

" ตัดเวรตัดกรรม "

พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า ใครทำกรรมใดไว้
ได้รับผลของกรรมนั้นแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไปทำพิธีตัดกรรมก็เป็นการลบล้างคำสอนของพระพุทธเจ้า

กรรมใดใครก่อลงไปแล้ว ใจเป็นผู้จงใจ
คือ เจตนาที่ทำลงไป พอทำลงไปแล้วกรรมอันเป็นบาป

ต่อเมื่อภายหลัง เรามานึกว่าเราไม่ต้องการผลของบาป
มันก็หลีกเลี่ยงปฏิเสธไม่ได
เพราะใจเป็นผู้สั่งให้ กาย วาจา ทำลงไป พูดลงไป
ใจตัวนี้ต้องรับผิดชอบโดยความเป็นธรรม โดยหลักของธรรมชาติ

เพราะฉะนั้น การที่เราจะไปทำพิธีตัดกรรม
นี่หมายถึง ตัดผลของบาป มันตัดไม่ได้ อย่าไปเข้าใจผิด
ถ้าหากพระองค์ใดแนะนำว่า
ทำบาปแล้วตัดกรรมได้ อย่าไปเชื่อ

ขอให้พุทธบริษัททั้งหลาย จงปลูกฝังนิสัยให้เด็กของเร
ในข้อนี้เป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญที่สุด
ถ้าเด็กๆ ของเราไปเข้าใจว่า ทำบาปทำกรรมแล้วไปทำพิธีตัดกรรม
แล้วมันหมดบาป ประเดี๋ยวเด็กๆ มันทำบาปแล้วไปหาหลวงพ่อ
หลวงพี่ ตัดบาปตัดกรรมได้ มันก็ไม่เกิดความกลัวต่อบาป
เพราะฉะนั้น อย่าไปเข้าใจผิดว่า
ทำกรรมอันเป็นบาป แล้วตัดกรรมให้มันหมดไป
มันเป็นไปไม่ได้ แต่ตัดเวรนี่มีทาง

เพราะ เวร หมายถึง การผูกพยาบาทอาฆาต
คอยแก้แค้นกันอยู่ตลอดเวลา
อย่างเราฆ่าเขาตาย บางทีนึกถึงบาปกรรม
กลัวว่าเขาจะอาฆาตจองเวร
เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา
ถ้าหากว่าเขาได้รับส่วนกุศลจากเรา เขาได้รับความสุข
เขาเลื่อนฐานะจากภาวะที่ทุกข์ทรมานไปสู่ฐานะที่มีความสุข
เขานึกถึงคุณงามความดี ถึงบุญถึงคุณของเรา
เขาก็อโหสิกรรมให้แก่เรา ไม่ตามล้างตามผลาญกันอีกต่อไป
หรืออย่างเช่น เราอยู่ด้วยกันทำผิดต่อกัน
เมื่อปรับความเข้าใจกันได้แล้ว
เราขอโทษซึ่งกันและกัน
ต่างฝ่ายต่างยกโทษให้กัน
เวรที่จะตามมาคอยจองล้างจองผลาญกันมันก็หมดสิ้นไป
แต่ผลกรรมที่ทำผิดต่อกันนั้นมันไม่หายไปไหนหรอก

บาปที่ทำแล้วมันแก้ไม่ได้
แต่นิสัยชั่วที่เราประพฤติอยู่นั้น มันแก้ไขได้
ท่านให้แก้กันที่ตรงนี้

หนังสือฐานิยปูชา 80 ปี หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น