วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555



• ผมเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า 
ในวิกฤติมักมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ

• สิ่งสำคัญที่สุด เราต้องเชื่อว่าเราทำได้

• หลายคนติดกับดักชีวิต
เพราะเลือกใช้ชีวิตเหมือน "หนูถีบจักร"
วิ่งไปแค่ไหนก็ยังย่ำอยู่กับที่
เพราะเสียเวลาทำในสิ่งซ้ำๆ
ทำในสิ่งที่ไม่ได้พัฒนาตนเอ

... ... ... ... ... ... ... ...

• บางครั้งชีวิตของเรา...
ความเจ็บปวด
ความผิดพลาด
หรือความล้มเหลวของวันนี้

: อาจจะผลักดัน
และเปลี่ยนกลายเป็นความความทรงจำ
ที่ชื่นใจในวันข้างหน้าก็ได

• ปัญหาทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น
ถ้าไม่เคยล้มเหลวก็ยากที่จะรู้ว่า
การจะประสบความสำเร็จเขาทำกันอย่างไร

• ความลำบากเป็นของขวัญที่มนุษย์ไม่สิทธิ์
และไม่สามารถปฏิเสธได้
เก็บความเสียใจยกให้เมื่อวานนี้
วันนี้ของเราต้องให้ตัวเองเริ่มต้นเดินหน้าใหม่เสมอ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ความสำเร็จมีขั้นตอน อย่าใจร้อน

• ความสำเร็จ ไม่ได้หล่นมาจากฟ้า
แต่มีลำดับขั้นตอน
ที่ต้องอาศัย
ความตั้งใจ มุ่งมั่น ทุ่มเท และอดทนรอ

• ไม่มีทางที่คุณจะได้ผลลัพธ์ความสำเร็จที่ดีกว่า
หากยังคงทำทุกอย่าง ซ้ำรอยเดิม

• ถ้าเก่งสู้เขาไม่ได้
ทางเดียวที่จะทำให้เท่ากับเขาหรือมากกว่าก็คือ
ต้องทำให้มากกว่า 2-3เท่า หรืออาจมากกว่านั้น

• ไม่ว่าจะเกมส์ชีวิตหรือเกมส์ธุรกิจ
ไม่มีใครหรอกครับที่จะชนะทุกอย่างที่ขวางหน้า
ดังนั้นอย่าวิ่งหนีการแข่งขัน
อย่ารังเกียจความพ่ายแพ้
แต่เราต้องอยู่ร่วมกันกับมันให้จงได้

- ตัน ภาสกรนที -

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2555



• ความสวย ทำให้เขาอยากได้ 
ความสุข ทำให้เขาอยากอยู่ด้วย

• หน้าตาดี คนจะจำว่าสะสวยครึ่งชีวิต
แต่จิตใจดี คนจะจำว่างดงามไปทั้งชาติ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• เสน่ห์ที่จับใจคนในระยะยาว
มิใช่รูปร่างหน้าตา

: ทว่าเป็นน้ำใจ
ความเมตตา ความรู้จักพูด ความเชื่อมั่น
ตลอดจนท่วงทีกิริยา

: แม้แต่คนที่มีบุญเก่าทางรูปร่างหน้าตาไม่ดีนัก
ก็สามารถเพิ่มแรงเสน่ห์อันเป็นภายใน
ได้ในชั่วเวลาที่ปรับเปลี่ยนนิสัยบางอย่างให้ตั้งมั่น

: ในทางตรงข้ามแม้สวยหล่อเลิศเลอ
แต่หน้าดำคร่ำเครียดกับเรื่องตกต่ำทั้งหลาย
ทั้งเหล้า ทั้งการพนัน ทั้งคำพูดคำจาสารพัดพิษ
ก็ทำบุญเก่าทรุดโทรมลง
หรือแม้รูปร่างหน้าตายังดี
ก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้คน "กรรมเหม็น"

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ความสวยความหล่อนั้น
เอาไว้ล่อคนรู้จักห่างๆหรือไม่รู้จักเลย
ให้ลุ่มหลงเป็นความทรงจำ
ที่เอาไว้ร่ำลือให้พากันตื่นเต้นเล่น

: ส่วนความดีงามนั้น
เอาไว้ผูกใจคนรู้จักใกล้ชิดให้สนิทใจ
เป็นความทรงจำ อันน่าสบายใจในชีวิต
เป็นความทรงจำที่อยากจำ ไม่ใช่ฝืนจำ

: ถ้าคุณเป็นความทรงจำอันงดงามสำหรับคนอื่น
ช่วยให้คนอื่นเชื่อในระยะยาวว่า
มีคนปากตรงกับใจ
การกระทำตรงกับความคิด
ผลไม่ใช่แค่ทำให้คนอื่นรู้สึกดีขณะอยู่ในโลกนี้

แต่จะทำให้ตัวคุณเองรู้สึกด
ทั้งเมื่อยังอยู่ในโลกนี้
และเมื่อจากโลกนี้ไปสู่โลกหน้าแล้ว

ดั ง ต ฤ ณ
• http://www.facebook.com/dungtrin

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555



. ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า 
แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง 
และคนฉลาดที่สุด
ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง ..

.. ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า
การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต

ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป
ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน ..

.. คนที่ไม่เคยหิว
ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่

ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว
ย่อมหอมหวานกว่าเดิม ..

.. อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง
อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
เหตุผลของคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคน
อีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า
ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร
ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..

.. คนเรา
ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง
แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น
ที่ได้ทำ ..

หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย
หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555


ชีวิตของคนเราสั้นนิดเดียว ใช้เวลาไม่กี่ปีก็หมด ในเวลาที่น้อยนิดนี้
บางคนยังนึกไม่ออกว่าจะจัดการกับเวลาของตัวเองอย่างไรให้เหมาะสม
ครูบาอาจารย์สอนหลักไว้นะ
ให้เรารู้จักคัดกรองขอบเขตการเรียนรู้ไว้ ให้พอเหมาะกับเวลาที่มีอยู่
ในโลกนี้มีเรื่องราวมากมาย พวกเราต้องรู้จักคัดกรอง พิจารณาดูกันเอง
เรื่องราวมากมายในโลก บางสิ่งมีสาระ บางสิ่งไม่มีสาระ
ในสิ่งที่มีสาระนั้น บางสิ่งมีประโยชน์ บางสิ่งไม่มีประโยชน์
ในสิ่งที่มีประโยชน์นั้น บางสิ่งเหมาะสมกับเรา บางสิ่งไม่เหมาะสมกับเรา
เมื่อรู้แล้วว่าสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมกับเร
ก็ลงมือปฏิบัติทำเหตุสิ่งนั้นให้เต็มที่ให้สุดความสามารถ
เมื่อเราทำเหตุให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามเวลาที่จำกัดของพวกเราแล้วนั้น
ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไรไม่สำคัญแล้ว เพราะได้ทำในสิ่งที่สมควรแล้ว
ถึงเวลาเมื่อเราหมดอายุลง เราจะไม่รู้สึกเสียดายเวลาอันน้อยนิดของมนุษย์นี้เลย
นี่เรียกว่า ใช้ชีวิต ไม่ใช่ถูกชีวิตใช้

...จาก...หมอกใสในป่าพุทธ...

วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555



อย่าคิดติดลบ

"เราทุกคนมีแสงสว่าง
ที่คอยส่องนำทางคนละ ๑ ดวง
ขึ้นอยู่ที่เราจะมองเห็น
และูรู้จักนำมาใช้หรือเปล่า ..ก็เท่านั้น"

หากชีวิตต้องเจอจุดวิกฤติที่สุด
เป็นช่วงเวลาที่สภาพจิตใจย่ำแย่
มองไปทางไหนก็หดหู่ เหี่ยวเฉา
เหงา ไม่รักตัวเอง สิ้นหวังกับทางที่เลือกเดิน
อิจฉาริษยาผู้ที่ประสบความสำเร็จ
เหยียบย่ำหรือดูถูกตัวเองตลอดเวลา
คอยมองโลก มองผู้คน มองสังคมไปในแง่ร้าย
มันเป็นลักษณะของ..
..คนที่ไม่รักตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ..
ความอ่อนแอ ทำให้เราคิดติดลบกับชีวิต
และสิ่งรอบข้างได้ แต่ถ้าเรามัวจมปลัก
อยู่กับความรู้สึกนั้น ให้พึงรู้ว่า ..
สิ่งเหล่านี้คือตัวการบดบังแสง ๑ ดวงนั้น

จงหยิบยื่นความศรัทธาให้กับตัวเอง
ไม่ยึดติดเปรียบเทียบตัวเรากับใคร
ไม่ทับถมตัวเองในทุกๆเรื่อง กับภาวะที่เผชิญอยู่
ให้โอกาสตัวเองอย่างเต็มที่ในการแก้ไขและพัฒนา
แสง ๑ ดวงนั้นจะส่องสว่างเมื่อ
ความคิดติดลบหยุดพัดไหว
สร้างเกราะหัวใจ ด้วยการคิดบวก
จากจิตใจแห่งรักและกรุณาต่อตนเอง
ให้พึงรู้อย่างลึกซึ้งว่าชีวิตนั้น
มีคุณค่า และมีเพียงชั่วครู่
หากแต่บัดนี้ เราได้สิ่งนี้มา
ก็จงรักษาไว้ด้วยความทนุถนอมและขัดเกลา
ให้ชีวิตได้เป็นชั่วครู่ ที่ดีที่สุด.. ฯ

~ของฝากจาก..ศาลาปันยิ้ม ~....เพียงพบพาน เพื่อผ่านภพ


ไม่ต้องกลัวหรอกว่าวันร้ายๆ จะอยู่กับเรานาน
ตราบใดที่โลกยังหมุนอยู่ตลอด เวลา
ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาก็จะต้องผ่านไปทั้งนั้น
จะเป็นไรไป หากชีวิตจะมีวันร้ายมากหน่อ
วันดีน้อยหน่อย ดีเสียอีกที่เป็นอย่างนี้
เรา จะได้เรียนรู้คำว่า "ชีวิต" ได้อย่างเต็มที่
ให้คุ้มค่ากับที่ได้เกิดมา เป็นคน


....คำคมธรรมะ เตือนใจ...


วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555


ความทรงจำเกี่ยวกับแม่ของแต่ละคนต่างกัน
ความรู้สึกรักแม่ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน
แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเรารู้เหมือนๆกัน คือ
ถ้าไม่มีแม่ ก็จะไม่มีเราอย่างที่กำลังเป็นอยู่

บางคนนึกได้ว่าตัวเองมีแม่
ก็เมื่อโลกนี้ไม่มีแม่แล้ว
นับเป็นเรื่องน่าเสียใจ
แต่ต่อให้เสียใจจนใจขาด
ก็ทำโลกนี้ให้มีแม่ขึ้นมาใหม่ไม่ได้อีก

คิดย้อนหลังไว้ล่วงหน้าเลยครับ
วันที่แม่คุณนอนนิ่งๆอยู่บนเตียง
แล้วลุกขึ้นมาพูดกับคุณไม่ได้อีก
คุณจะเสียใจที่เคยมีโอกาสแล้วไม่ทำอะไรเพื่อท่านบ้าง
ให้รีบขวนขวายทำเป็นสิบเท่าทวีคูณ
แล้วพอวันนั้นมาถึงเข้าจริง
คุณก็จะไม่เสียใจเลยจริงๆ

ดังตฤณ

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555


• การเริ่มต้นคิด 
พูด หรือทำอะไรบางอย่าง
เกี่ยวกับบุคคลชั้นเลิศ
เช่นสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า 

ผู้เป็นมหาบุรุษ
ผู้ตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง
ผู้ชี้ทางสว่าง
ผู้เป็นต้นทางออกจากวังวนทุกข์
ผู้ไม่มีใครในสามโลกเสมอเหมือนนั้น

จะก่อให้เกิด
แรงดึงดูดเข้าหากรรมขาว
หรือกรรมดำ
ได้เข้มข้นกว่ากรรมชนิดอื่น

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• การคิด พูด ทำ กับพระพุทธเจ้า
จะเบี่ยงเบนจากเส้นทางเดิมได้เร็วที่สุด

: เหมือนพระองค์ท่าน
เป็นกระจกขยายพลังกรรม
ส่งแสงขาวเข้าไปกระทบ
ก็สะท้อนแสงขาวกลับออกมา

ส่งกระแสมืดเข้าไปกระทบ
ก็สะท้อนกระแสมืดกลับออกมา
ด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างน่าตกใจ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• จิตที่เต็มดวงในทางคิดดี
และเลื่อมใสพระพุทธเจ้า
จะทำให้มีแต่เรื่องดีเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด

แต่จิตที่เต็มดวงในทางคิดร้าย
และหมิ่นพระคุณพระผู้มีพระภาคเจ้า
จะทำให้มีแต่เรื่องร้ายมากมายเกินคำนวณ

เพราะบุคคลเมื่อเลื่อมใสผู้ใด
ย่อมยอมรับและซึมซับ
แนวคิดในการดำเนินชีวิตของผู้นั้นมามากเสมอ

>> 7 เดือนบรรลุธรรม

ดั ง ต ฤ ณ

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555



• คนเราถ้าไม่เข้าที่มืดถึงที่สุด 
ก็จะไม่ดิ้นรนหาความสว่าง 

: เมื่อออกที่สว่างได้ถาวร 
ก็จะหันกลับไปขอบคุณความมืดชั่วคราว 
ที่ช่วยผลักดันให้ 

• เพราะฟ้ามืด
เราจึงเห็นแสงจันทร์กระจ่างสวย 
เพราะชีวิตเป็นทุกข์
เราจึงเห็นธรรมะสว่างใส

• ธรรมชาติจะไม่ใจร้ายกับคุณจนเกินไป 
ถ้าไม่มีทางออกที่ดีที่สุด 
ก็มักเหลือทางเลือกที่ดีน้อยที่สุดไว้ให้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• สิ่งที่จะช่วยให้คุณรู้สึกเข้มแข็งขึ้น
คือความสามารถในการผ่านทุกข์ 
ไม่ใช่ความสามารถในการเสวยสุข

• ความเข้มแข็งที่แท้จริง
ไม่ใช่ความสามารถในการทนได้
แต่เป็นความสามารถยอมรับตามจริง ว่าโลกไม่เที่ยง
เพราะเมื่อรับมือได้
โลกก็ทำให้ใจหวั่นไหวไม่ได้ด้วยเหตุดีร้ายใดๆ

• ความสามารถที่จะเห็นทุกข์ เป็นของไม่เที่ยง
คือความสามารถจะเป็นสุขได้
ในท่ามกลางกองทุกข์ อันใหญ่หลวง

• ในวันที่ทุกสิ่งดูผิดพลาดไปหมด 
ขอเพียงเหลือใจที่ถูกต้องไว้ดวงเดียวก็พอ 
แล้วใจจะพาทุกอย่างจะกลับเข้าที่เข้าทางไปเอง

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• สิ่งร้ายเริ่มกลายเป็นดี 
ตั้งแต่ธรรมะดีๆ
มาประดิษฐานที่กลางใจครับ

ดั ง ต ฤ ณ
• http://www.facebook.com/dungtrin

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555




• คำโกหกไม่เคยมีอำนาจพอจะเปลี่ยนแปลงความจริง 
แต่มีพลังดัดจิตคนโกหก
ให้บิดเบี้ยวได้คนหนึ่ง

• บอกความจริงแล้วตระหนก ดีกว่าโกหกแล้ววิบัติ

• อย่าเลือกงานที่บังคับให้คุณต้องโกหกเรื่อยๆ
เพราะหลังจากเวลาผ่านไป
อาจไม่มีความชั่วร้ายใดเลยที่คุณทำไม่ได้

• บางทีการพูดความจริงให้น่าเชื่อ
อาจยากกว่า พูดให้คนเชื่อเรื่องโกหกเสียอีก
โดยเฉพาะถ้าความจริงนั้น
ดันไม่ตรงกับความเชื่อของคนฟัง

: เรื่องไหนจริง เวลาจะเข้าข้างเอง

• บางครั้งพูดให้ดีที่สุด ก็ฉลาดสู้นิ่งเงียบไม่ได้

ดั ง ต ฤ ณ
• http://www.facebook.com/dungtrin


• คุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ 
แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ

• การยอมไม่ได้ 
การอภัยไม่ได้ 
คือเรื่องธรรมดา
ของคนที่คิดแบบพุทธไม่เป็น

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ความเจ็บใจที่มีแต่การนึกถึงใบหน้าคู่กรณี
จะยกระดับเป็นความอาฆาตแค้น
ความเจ็บใจที่ค่อยๆ นึกถึงทางออกร่วมกัน
จะลดระดับลง
เป็นความรู้สึกอภัยได้

• นิสัยไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใคร
ทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อยทำใจนัก เมื่อต้องอภัย
แต่คุณก็จำเป็นต้องฝึกอภัยไว้มาก
กว่าจะสร้างนิสัย
ไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใครได้เป็นปกติ

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
โดยเฉพาะตอนเอาชนะความเกลีย
และตอนเลิกถือสาหาความใครต่อใคร
เอาความเปรอะเปื้อนออกจากใจเสียได้

• เป็นไปไม่ได้
ที่จะอภัยศัตรูขณะถือความเกลียดเป็นมิตร
แต่เป็นไปได้ที่จะอภัยมิตร
ขณะถือความเกลียดเป็นศัตรู

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• อย่าเอาแต่สวดแผ่เมตตา
ให้ทำใจเป็นเมตตาด้วย "ความเข้าใจ" กันด้วย

: ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ทำให้คนเรา "อภัยได้จริง"
ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ช่วยให้เรายัง มองหน้ากันได้ติด
และความเข้าใจนั่นแหละ
ที่จะยุติเรื่องเลวร้าย

ดั ง ต ฤ ณ
• http://www.facebook.com/dungtrin

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555



• คนที่ทำให้เจ็บใจ คือเขา
คนที่เอาเขามาใส่ใจ คือคุณ 

• คุณอาจโกรธโดยไม่ตั้งใจ
แต่ไม่มีทางอภัยโดยบังเอิญ

• การอภัยเป็นอะไรมากกว่าการแกล้งลืมครับ
มันคือการยกเอาโทษออกจากใจเราเอง
พอใจพ้นโทษจริง ก็พบความสุขแท้นะ

• ความรู้สึกดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
โดยเฉพาะตอนเอาชนะความเกลีย
และตอนเลิกถือสาหาความใครต่อใคร
เอาความเปรอะเปื้อนออกจากใจเสียได้

• นิสัยไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใคร
ทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อยทำใจนักเมื่อต้องอภัย
แต่คุณก็จำเป็นต้องฝึกอภัยไว้มาก
กว่าจะสร้างนิสัยไม่อยากเอาเรื่องเอาราวใครได้เป็นปกติ

• เวรที่ยืดเยื้อ
เริ่มต้นจากเวรที่อภัยได้แล้วไม่อภัย

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• ก่อนอื่นต้องมองว่า
ตอนใครทำให้คุณเจ็บช้ำน้ำใจมากๆนั้น

: คือรูปแบบหนึ่งของการโดนทวงหนี้
เมื่อมองอย่างนี้คุณจะเต็มใจให้อภัย
และทราบชัดจากความเบาหัวอก
ว่าหนี้เก่าถูกชำระแล้ว
อาจต้องผ่อนส่งหลายครั้ง
หรืออาจเหมารวบเบ็ดเสร็จในครั้งเดียว

• สรุปคือเมื่อถูกทำให้แค้น
แล้วไม่คิดแก้แค้น
เรียกว่าเป็นการใช้หนี้

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• การอภัยไม่ต้องเสียอะไรเพิ่

: การจองเวรสิต้องเสียยิ่งกว่าเดิมไม่รู้เท่าไหร่
ทั้งเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ
บุญบาปทำหน้าที่อยู่แล้ว
เราปล่อยเขาไปตามทางที่เขาสร้างเอง
เดินเอง และเสวยผลเองน่ะดีที่สุด
ถ้าผูกใจเจ็บก็เท่ากับ
พลอยกระโจนไปร่วมรับบาปอย่างใดอย่างหนึ่ง
บนเส้นทางของเขาด้วย

.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

• อย่าเอาแต่สวดแผ่เมตตา
ให้ทำใจเป็นเมตตาด้วยความเข้าใจกันด้วย
ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ทำให้คนเรา อภัยได้จริง
ความเข้าใจนั่นแหละ
ที่ช่วยให้เรายัง มองหน้ากันได้ติด
และความเข้าใจนั่นแหละ
ที่จะยุติเรื่องเลวร้าย

• ให้อภัยคนเลวหมดใจ
แล้วจะรู้สึกว่าต้องไปเกี่ยวข้องกับคนเลวน้อยลง

- ดังตฤณ -
http://www.facebook.com/AskDungtrin
" ตัดเวรตัดกรรม "

พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่า ใครทำกรรมใดไว้
ได้รับผลของกรรมนั้นแน่นอน หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไปทำพิธีตัดกรรมก็เป็นการลบล้างคำสอนของพระพุทธเจ้า

กรรมใดใครก่อลงไปแล้ว ใจเป็นผู้จงใจ
คือ เจตนาที่ทำลงไป พอทำลงไปแล้วกรรมอันเป็นบาป

ต่อเมื่อภายหลัง เรามานึกว่าเราไม่ต้องการผลของบาป
มันก็หลีกเลี่ยงปฏิเสธไม่ได
เพราะใจเป็นผู้สั่งให้ กาย วาจา ทำลงไป พูดลงไป
ใจตัวนี้ต้องรับผิดชอบโดยความเป็นธรรม โดยหลักของธรรมชาติ

เพราะฉะนั้น การที่เราจะไปทำพิธีตัดกรรม
นี่หมายถึง ตัดผลของบาป มันตัดไม่ได้ อย่าไปเข้าใจผิด
ถ้าหากพระองค์ใดแนะนำว่า
ทำบาปแล้วตัดกรรมได้ อย่าไปเชื่อ

ขอให้พุทธบริษัททั้งหลาย จงปลูกฝังนิสัยให้เด็กของเร
ในข้อนี้เป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญที่สุด
ถ้าเด็กๆ ของเราไปเข้าใจว่า ทำบาปทำกรรมแล้วไปทำพิธีตัดกรรม
แล้วมันหมดบาป ประเดี๋ยวเด็กๆ มันทำบาปแล้วไปหาหลวงพ่อ
หลวงพี่ ตัดบาปตัดกรรมได้ มันก็ไม่เกิดความกลัวต่อบาป
เพราะฉะนั้น อย่าไปเข้าใจผิดว่า
ทำกรรมอันเป็นบาป แล้วตัดกรรมให้มันหมดไป
มันเป็นไปไม่ได้ แต่ตัดเวรนี่มีทาง

เพราะ เวร หมายถึง การผูกพยาบาทอาฆาต
คอยแก้แค้นกันอยู่ตลอดเวลา
อย่างเราฆ่าเขาตาย บางทีนึกถึงบาปกรรม
กลัวว่าเขาจะอาฆาตจองเวร
เราทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เขา
ถ้าหากว่าเขาได้รับส่วนกุศลจากเรา เขาได้รับความสุข
เขาเลื่อนฐานะจากภาวะที่ทุกข์ทรมานไปสู่ฐานะที่มีความสุข
เขานึกถึงคุณงามความดี ถึงบุญถึงคุณของเรา
เขาก็อโหสิกรรมให้แก่เรา ไม่ตามล้างตามผลาญกันอีกต่อไป
หรืออย่างเช่น เราอยู่ด้วยกันทำผิดต่อกัน
เมื่อปรับความเข้าใจกันได้แล้ว
เราขอโทษซึ่งกันและกัน
ต่างฝ่ายต่างยกโทษให้กัน
เวรที่จะตามมาคอยจองล้างจองผลาญกันมันก็หมดสิ้นไป
แต่ผลกรรมที่ทำผิดต่อกันนั้นมันไม่หายไปไหนหรอก

บาปที่ทำแล้วมันแก้ไม่ได้
แต่นิสัยชั่วที่เราประพฤติอยู่นั้น มันแก้ไขได้
ท่านให้แก้กันที่ตรงนี้

หนังสือฐานิยปูชา 80 ปี หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ลิขิต ประวัติศาสตร์ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก




สมเด็จพระสังฆราช ตรัสชัดพระต้องถือธรรมะเป็นใหญ่
ไม่ยึดติดกับอำนาจ เงินทอง สมณศักดิ์ ยอมสละชีวิตรักษาธรรมะได้

สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราชได้มีพระลิขิต ฉบับที่ ๑ ถึงผู้เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
ฉบับที่ ๑
"ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำสอน โดยกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือน แตกแยกออกไปกลายเป็นสอง มีความเข้าใจความเชื่อถือพระพุทธศาสนาตรงกันข้ามเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำสงฆ์ให้แตกแยกเป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก ส่วนที่มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นการกระทำที่ถูกต้อง คือ ต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดทันที
หลังจากที่สมเด็จพระสังฆราช ได้มีพระลิขิตฉบับที่ ๑ ออกมาแล้วนั้น อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ยังมิได้คืนทรัพย์ทั้งหมดแก่วัด สมเด็จพระสังฆราชจึงมีพระลิขิตฉบับอื่นๆ ตามมาดังต่อไปนี้
ฉบับที่ ๒
 การไม่ยอมคืนสมบัติให้วัด ในขั้นต้นอาจมิใช่มีเจตนาถือเอาเป็นของตน แต่เมื่อถึงอย่างไร ก็ยังไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดก็แสดงชัดแจ้งว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะ โดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระปลอมเป็นพระ ด้วยการนำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง ทำความเศร้าหมองเสื่อมเสีย ให้เกิดแก่สงฆ์ในพระพุทธศาสนา "
 ฉบับที่ ๓


"การโกงสมบัติผู้อื่นตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไปคือประมาณไม่ถึง 300 บาทในปัจจุบัน ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิกฐานผิดพระธรรมวินัยพ้นจากความเป็นพระทันที ในกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการสั่งให้สึก ไม่ว่าจะมีการจับสึกหรือไม่ก็ตาม ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติ ที่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรก็เพื่อเตือนให้รู้ทั่วกันว่า ผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้นไม่ใช่พระในพุทธศาสนา เป็นเพียงผู้นำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง เป็นพระปลอม ต่อจากนั้นย่อมเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้รักษากฎหมาย หรือของผู้มีหน้าที่ในการพุทธศาสนา จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาไม่ให้มีพระปลอมมาทำลาย ทำให้เสื่อมเสีย เช่นที่ผู้รักษากฎหมายเคยทำมาแล้ว เคยบังคับให้เป็นผู้ปลอมเป็นพระ ถอดผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากตัว การปฏิบัติต่อพระปลอมต้องไม่มีแตกต่างกัน ต้องไม่มียกเว้นว่า คนนั้นปลอมได้คนนี้ปลอมไม่ได้ เป็นพระปลอมมีอยู่ในพุทธศาสนาไม่ได้ทั้งนั้น ประกาศนั้นเป็นคำบอกเล่าเป็นคำเตือนให้รู้ เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับมหาเถรฯไม่บังคับให้เชื่อ ไม่บังคับใครให้ทำอะไร แสดงความถูกผิดให้ปรากฏอยู่เท่านั้น ในฐานะที่เป็นประมุขแห่งสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จึงต้องทำหน้าที่ส่วนตนให้เรียบร้อยถูกต้อง บอกความจริงด้วยความหวังดีมิได้บังคับ จงเข้าใจทั่วกัน"
 ฉบับที่ ๔
"ในกรณีเกี่ยวกับเรื่องวัดพระธรรมกาย เราได้ทำหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชสมบูรณ์ตามอำนาจแล้ว จึงไม่มีอะไรจะพูดอีกขณะนี้ ขออนุโมทนาทุกท่านที่สนใจห่วงใยพระพุทธศาสนา แสดงความเป็นคนดี ด้วยมีกตัญญูกตเวทิตาธรรม "
 ฉบับที่ ๕
"ได้แจ้งให้เป็นที่เข้าชัดเจนดีทั่วกันแล้วก่อนหน้านี้ ว่าในตำแหน่งผู้เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปริณายก ได้ทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพื่อเทิดทูนรักษาพระพุทธศาสนาให้พ้นถูกทำลาย สมบูรณ์ดีที่สุดแล้วตามอำนาจ ท่านกรรมการมหาเถรสมาคมทั้งหลายจะทำอะไรต่อไปตามความต้องการ จะไม่มานั่งฟัง รับรู้ในที่ประชุมวันนี้ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 "
________________________________________
หลังจากนั้นได้มีคำสั่งของมหาเถรสมาคม สั่งให้วัดพระธรรมกายดำเนินการปรับปรุงคำสอนที่บิดเบือนให้ถูกต้อง ส่วนกรณียักยอกทรัพย์นั้น ทางมหาเถรสมาคมก็มีมติให้รอคำพิพากษาของศาลยุติธรรม
และต่อมาในวันที่ 21 สิงหาคม 2549 สำนักงานอัยการสูงสุดจึงมีคำขอถอนฟ้องอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายโดยให้เหตุผลว่า
1. วัดพระธรรมกายได้ปฏิบัติตามคำสั่งและพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชในเรื่องการเผยคำสอนที่ถูกต้องตรงตามพระไตรปิฏกแล้ว 
2. อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ยินยอมมอบคือทรัพย์สินที่ได้รับการกล่าวหาว่ายักยอกไป คืนแก่วัดทั้งหมดแล้ว 
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่สำนักอัยการสูงสุดจะทำการฟ้องร้องอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายและนายถาวรอีกต่อไป
กรณียกฟ้องดังกล่าวทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อฐานะของอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายในหมู่ประชาชนและนักวิชาการศาสนาเป็นอย่างมาก ฝ่ายหนึ่งให้ความเห็นว่าท่านมีความบริสุทธิ์เนื่องจากสำนักอัยการได้ขอถอนฟ้องท่านจึงไม่มีความผิดในกรณียักยอกทรัพย์ตามกฎหมาย ดังนั้นข้อกล่าวหาท่านว่าปาราชิกจึงไม่มีมูล ในขณะที่นักวิชาการศาสนาอีกฝ่ายกล่าวว่า การยักยอกทรัพย์ของอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้สำเร็จแล้วตามหนังสือขอถอนฟ้องขอฝ่ายอัยการ ซึ่งยืนยันถึงการคืนเงินให้แก่วัดในภายหลังของอดีตเจ้าอาวาสฯ ดังนั้นเมื่อมีการคืน แสดงว่ามีการยักยอก และเมื่อมีการยักยอกจึงถือเป็นอาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นพระตามที่สมเด็จพระสังฆราชมีพระราชวินิจฉัยไปก่อนหน้านี้ ถึงแม้อดีตเจ้าอาวาสฯ จะนำทรัพย์มาคืนวัดในภายหลังเพื่อให้เกิดกระบวนการถอนฟ้องทำให้ไม่มีความผิดตามกฎหมาย แต่ตามพระธรรมวินัย ท่านได้ขาดความเป็นพระแล้ว และไม่สามารถเรียกคืนสมณฐานะ ได้อีก

อำนาจกรรม..โดย สมเด็จพระสังฆราช


พระอริยะ

 อํานาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม พระนิพนธ์ สมเด็จพระสังฆราช   

อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก 

อำนาจของกรรมใหญ่ยิ่งที่สุดในโลก ไม่มีอำนาจใดทำลายล้างได้ แม้อำนาจของกรรมดีก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมชั่วและอำนาจของกรรมชั่วก็ไม่อาจทำลายอำนาจของกรรมดีอย่างมากที่สุดที่มีอยู่ คือ อำนาจของกรรมดีแม้ให้มาก ให้สม่ำเสมอในภพภูมินี้ ก็อาจจะทำให้อำนาจของกรรมชั่วที่ได้ทำมาแล้วตามมาถึงได้ยาก ดังมีเครื่องขวางกั้นไว้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ดังที่ท่านเปรียบว่าเหมือนวิ่งหนีผู้ร้ายที่วิ่งไล่ตามมา ถ้ามีกำลังแข็งแรง วิ่งเร็วกว่าผู้ร้าย ก็ย่อมยากที่ผู้ร้ายจะไล่ทัน ความแข็งแรงของผู้วิ่งหนีกรรมชั่ว ก็หาใช่อะไรอื่น คือ ความเข้มแข็งสม่ำเสมอของการทำกรรมดีนั่นเอง 

O โรคทางใจมีอยู่ทั่วทุกตัวคน 

หนักเบาต่างกันที่อำนาจของกรรมที่ตนกระทำ คนน่าสงสารในโลกนี้มีมากนัก ทั้งน่าสงสารทางกาย และน่าสงสารทางใจ เราเองแทบทุกคนก็เป็นโรคน่าสงสารเช่นที่กล่าวแต่เมื่อไม่ใช่โรคทางกาย ก็ไม่เห็นกันไม่รู้กันว่า ตนเป็นคนหนึ่ง จำนวนมหาศาลที่น่าสงสาร และน่าสงสารยิ่งกว่าเป็นโรคทางกาย น่ากลัวน่าเป็นห่วงยิ่งกว่าเป็นโรคทางกาย โรคน่าสงสารทางใจตัวเอง ต้องรู้ด้วยตัวของตัวเอง ต้องยอมรับด้วยตัวของตัวเอง จึงจะแก้ไขได้ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่มีทางจะรักษาโรคทางใจได้เลย แม้พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะเป็นโอสถรักษาโรคทางใจของผู้ที่ไม่ยอมรับรู้ว่าใจของตนมีโรค นั่นก็คือผู้ไม่ยอมรักการรักษา ไม่ยอมรับโอสถของพระพุทธเจ้า เขาย่อมเป็นคนน่าสงสารตลอดไป พบคนเช่นนี้พึงย้อมดูตนเอง คงจะต้องพบโรคทางใจด้วยกันเพียงแต่ว่าจะมากน้อยหนักเบากว่ากันเพียงไร ตามอำนาจของกรรมที่ได้กระทำมาแล้วเท่านั้น 

O กรรมให้ผลตรงตามเหตุแห่งการกระทำ 

กรรมนั้นน่าเชื่อถือนักในการให้ผลตรงตามเหตุ ไม่มีอคติด้วยอำนาจใดเลย แม้เกิดอยู่ในฐานะที่สุขสบาย ก็มิใช่ว่าไม่จำเป็นต้องนึกถึงกรรม มิใช่ว่าไม่จำเป็นต้องเชื่อกรรม สุขสบายเพียงไร ก็จำเป็นต้องนึกถึงกรรม ถ้าไม่ได้ทำกรรมดีอันควรแก่เหตุแล้ว จะอยู่ในฐานะสุขสบายได้อย่างไร ใครอื่นอีกมากมายหาได้อยู่ในฐานะเช่นนั้น อดอยากยากไร้เข็ญใจกันนักหนา ทำไมเป็นได้เช่นนั้น มีอะไรเป็นเครื่องทำให้เป็นไป แม้ไม่ตั้งข้อคิดในเรื่องเช่นนี้เสียเลย ย่อมไม่อาจอบรมปัญญาให้เห็นถูกในเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรมได้ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญแก่ทุกชีวิตที่ปรารถนาความสวัสดี 

O ทั้งคนและสัตว์ ต่างถูกอำนาจกรรมทำให้เป็นไป 

คนก็ตาม สัตว์ก็ตาม เกิดด้วยอำนาจของกรรม กรรมนำให้เป็นคน และกรรมนำให้เป็นสัตว์ เชื่อไว้ก่อนย่อมมีโอกาสที่จะพ้นจากความเป็นสัตว์ เพราะเมื่อเชื่อว่ากรรมมีอำนาจถึงเพียงนั้น ก็ย่อมขวนขวายทำกรรมที่จะไม่นำให้ต้องไปเป็นสัตว์ ไม่มีใครที่ไม่กลัวความเป็นสัตว์ และมีโอกาสที่จะได้เกิดเป็นสัตว์แน่ในภพภูมิข้างหน้า แม้บังเอิญไปทำกรรมที่จะทำให้เกิดผลเช่นนั้นโดยจะรู้หรือไม่รู้ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม พลาดพลั้งไปทำกรรมผิดเข้า ก็จะไม่อาจปฏิเสธผลของกรรมได้เลย 

O ไม่มีผู้ใดปรารถนารับผลของกรรมที่ไม่ดี 

อันผู้ไม่ทำดีประการต่างๆ ด้วยกายวาจา อันเนื่องมาจากใจที่ไม่ดีของเขานั้น ที่จริงแล้วผู้มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาพอสมควร ประกอบด้วยความเชื่อในเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรมไม่น่าจะมีผู้ใดปรารถนาเป็นคนไม่ดี แต่ทำไมจึงมีคนไม่ดีมากมาย ทั้งๆ ที่มิได้ปรารถนา คิดให้เข้าใจในเรื่องของกรรมจะรู้ชัดว่ากรรมที่คนผู้นั้นทำไว้ในอดีต ได้ติดตามห้อมล้อมจิตเขามาให้ปรากฏเป็นผลในปัจจุบัน ทั้งที่ในปัจจุบันเขาก็มิได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น และหากเขาเข้าใจเรื่องของกรรมบ้างแล้ว เขาจะกลัวไปถึงชาติในอนาคต เขาจะพยายามไม่ทำกรรมไม่ดี เพราะเข็ดกลัวผลของกรรมที่ทำให้เขาต้องเป็นคนไม่ดีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งที่เขาไม่ปรารถนาเลย 

O ความรักผู้อื่น ทำให้หลีกเลี่ยงการทำกรรมไม่ดีได้ 

เป็นผู้ใหญ่ก็อย่าทำกรรมไม่ดี เป็นเด็กหรือเป็นหนุ่มสาวก็อย่าทำกรรมไม่ดี แม้รักตัวเองก็อย่าทำกรรมไม่ดี จงทำแต่กรรมดี หรือแม้รักพ่อแม่พี่น้องลูกหลาน ก็อย่าทำกรรมไม่ดี ผลไม่ดีที่ผู้ทำได้รับนั้นจะทำให้บรรดาผู้ที่รักตนพลอยกระทบกระเทือนไปด้วย ลองนึกถึงใจตนเอง เมื่อเห็นผู้ที่ตนรักทำความไม่ดี แม้ผลไม่ดี ยังไม่ทันปรากฏชัด ตนก็ไม่สบายใจ ยิ่งเมื่อได้ผลร้ายเกิดขึ้นสนองผู้ทำกรรม เราผู้มีความผูกพันกับเขา ก็ย่อมเหมือนพลอยได้รับผลร้ายด้วย 

O ถ้าเราทำกรรมไม่ดี ผู้ที่รักเราก็ได้รับผลไม่ดีไปด้วย 

ดังนั้นแม้ไม่รักตนเอง ก่อนจะทำอะไรก็ควรนึกถึงใครทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะต้องมีผู้เป็นที่รักอยู่ด้วย ถ้าเราทำกรรมไม่ดีได้รับผลไม่ดี ผู้ที่รักเราและผู้ที่เรารักก็จะต้องพลอยได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจไปด้วยอย่างไม่ยุติธรรม เพราะมิได้เป็นผู้ทำกรรมไม่ดีด้วย แต่ต้องพลอยได้รับผลไม่ดีเพราะความผูกพัน ดังนั้นจะทำความไม่ดีใด ก็น่าจะนึกถึงบรรดาผู้ที่มีความผูกพันกับเราบ้าง อาจจะช่วยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นในการหลีกเลี่ยงการทำกรรมไม่ดี 

O ใช้สติยั้งคิดให้เคยชินก่อนทำกรรมไม่ดีใดๆ 

ก่อนจะทำกรรมใด แม้หยุดยั้งตั้งสติ คิดให้ดีว่ากรรมนั้นดีหรือไม่ดี ก็จะทำให้ไม่ทำกรรมไม่ดีอย่างเต็มใจ อย่างสบายใจ แต่จะมีเวลายับยั้งชั่งใจ อันเป็นความสำคัญควรจะทำให้เป็นความเคยชินด้วยกันทุกคน 

O หมั่นพิจารณาให้กลัวกรรมไม่ดีอยู่เนืองๆ 

การพิจารณากรรมให้กลัวกรรมไม่ดีนั้น อาจทำได้แม้เมื่อเป็นสิงสาราสัตว์ จะเห็นตัวจริงหรือเห็นเพียงรูปภาพก็ตาม สัตว์เหล่านั้นล้วนมีชีวิตจิตใจ มีความรู้สึกนึกคิด แต่ก็เหตุใดเล่าที่ทำให้ต้องมาเกิดเป็นสัตว์ ไม่ได้เกิดเป็นผู้เป็นคนเป็นมนุษย์ที่สูงกว่าประเสริฐกว่าเป็นอันมาก ต้องเป็นกรรมที่สัตว์เหล่านั้นได้ประกอบกระทำมาให้อดีตชาติปรุงแต่งให้เป็นไป ให้มีรูปลักษณ์ของสัตว์ ที่แม้บางชนิดจะน่ารักน่าเอ็นดู แต่ก็เป็นสัตว์ แม้จะได้รับความรักความเอ็นดูอุปถัมภ์บำรุงเลี้ยงดูอย่างดี ก็เป็นแบบที่ให้แก่สัตว์ และก็ไม่แน่ใจน่าสัตว์จะมีความคิดอย่างไร จะเศร้าเสียใจในความต้องการเป็นสัตว์หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อพ้นจากภพภูมิมนุษย์ทันทีก็ได้ภพภูมิของสัตว์ อาจจะยังไม่ลืมชีวิตในภพภูมิมนุษย์ อาจจะยังจำผู้คนที่เกี่ยวข้องด้วยได้ จิตของสัตว์นั้นจะน่าสงสารสักเพียงไหน แต่เมื่อเกิดแล้วก็เลือกไม่ได้แล้วที่จะเกิดเป็นอะไรอื่น ถึงอย่างไรก็ตาม ทุกคนมีโอกาสที่จะเลือกชีวิตข้างหน้า ภพภูมิข้างหน้าได้ ถึงทำความดีให้เต็มความสามารถ อย่าละโอกาสที่จะทำความดีเลย นั่นแหละจะเป็นการเลือกภพชาติข้างหน้าสำหรับตนได้ จะเลือกเป็นอะไรก็ได้ ไม่เป็นอะไรก็ได้ 

O ผู้ไม่ประมาท ระวังในการกระทำกรรม 

อนิจจัง....ความไม่เที่ยง 
ทุกขัง.....ความเป็นทุกข์ ทนอยู่ไม่ได้ต้องเปลี่ยนแปลง 
อนัตตา....ความไม่เป็นไปตามปรารถนาต้องการ นี้คือ ไตรลักษณ์ ลักษณะสามที่มีในทุกคนทุกสิ่ง ความสุข ความทุกข์ ความเจริญ ความเสื่อม ความเป็นมนุษย์ ความเป็นสัตว์ เหล่านี้ตนอยู่ในไตรลักษณ์ทั้งสิ้น ดังนั้นแม้ว่าชาติหนึ่งกรรมไม่ดีจะแต่งให้เป็นสัตว์ ก็มิใช่ว่าจะต้องเป็นสัตว์ทุกชาติ และแม้ว่าชาติหนึ่งกรรมดีจะนำให้เป็นมนุษย์ ก็มิใช่ว่าจะได้เป็นมนุษย์ทุกชาติ นั่นก็คือสัตว์ย่อมเป็นคนได้ และคนก็ย่อมเป็นสัตว์ได้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคน แต่ละสัตว์ ผู้ไม่ประมาทระวังในการกระทำกรรม ย่อมสามารถพ้นจากการถือภพชาติอันไม่ปรารถนาได้ 

O ผู้ไม่ประมาทพึงทำใจให้พ้นจากความยึดมั่น 

กรรมที่อาจทำให้มนุษย์ในชาติหนึ่งต้องเป็นสัตว์ในอีกชาติหนึ่ง หรือทำสัตว์ในชาติหนึ่งให้กลับเป็นมนุษย์ในอีกชาติหนึ่ง มีผู้เขียนบ้างเล่าบ้างไว้หลายเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องที่มีปรากฏในพุทธกาล จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามพึงไม่ประมาท กรรมใดที่เคยมีแสดงไว้ว่า ทำให้มนุษย์ต้องเกิดเป็นสัตว์ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่พึงทำ กรรมสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นกรรมทางใจคือความผูกพัน ผู้ตายมีความผูกพันในภพภูมิของตน เช่น ผูกพันในทรัพย์สมบัติของตนในภพภูมินั้น ความผูกพันยึดมั่นอาจนำให้กลับมาเกิดในบ้านเรือนตนอีกได้ แต่จะมิใช่เป็นมนุษย์ มีเรื่องเล่าว่า เกิดเป็นเล็นก็มี เกิดเป็นสุนัขก็มี ซึ่งน่าจะไม่มีผู้ใดปรารถนาจะเป็น จึงน่าจะต้องระวังกรรมทางใจให้มาก เช่นเดียวกับกรรมทางกายทางวาจา อย่ายึดมั่นห่วงใยในอะไรให้มากนัก วางเสีย ปล่อยเสีย ท่องพุทโธไว้เสมอนั่นแหละจะทำให้ถอนใจจากความยึดมั่นได้ เคยมีผู้เล่าเรื่องของพระพุทธรูปงดงามองค์หนึ่ง สิ้นชีวิตไปในขณะที่จิตใจกำหลังรักและหวงแหนพระพุทธรูปองค์นั้นอย่างยิ่ง เมื่อมีผู้มาขอชมพระพุทธรูป ก็มีงูใหญ่เลื้อยมาแผ่พังพานขู่อยู่ต่อหน้าแสดงความหวงแหน เมื่อผู้มาขอชมพูดว่าเพียงมาขอชมไม่ได้คิดจะนำไปเป็นของตน งูก็เลื้อยห่างไป ว่ากันว่าเจ้าของพระพุทธรูปได้มาเกิดเป็นงูเสียแล้ว เพราะความผูกพันหวงแหนพระพุทธรูป ความยึดมั่นผูกพันจึงเป็นกรรมทางใจที่น่าจะเป็นเหตุแห่งการทำให้มนุษย์ในชาติหนึ่งต้องเป็นสัตว์ในอีกชาติหนึ่งได้ จึงไม่พึงประมาท จะจริงหรือไม่จริง เชื่อหรือไม่เชื่อ ก็อย่าประมาทไว้ก่อน พยายามทำกรรมทางใจให้พ้นจากความยึดมั่นถือมั่นให้ได้เต็มความสามารถเถิด 

O อำนาจแห่งมโนกรรม 

ในสมัยพุทธกาล มีเรื่องที่พระภิกษุรูปหนึ่งเมื่อมรณภาพลงพระรูปหนึ่งจะนำจีวรไป พระพุทธเจ้าทรงห้ามและรับสั่งเล่าว่า พระภิกษุผู้เป็นเจ้าของจีวรนั้น ได้มาเกิดเป็นเล็นเกาะอยู่ที่จีวรที่ท่านซักตากไว้ เพราะจิตของท่านเมื่อจะมรณภาพนั้นผูกพันอยู่กับจีวรผืนนั้น ที่ท่านเพิ่งได้มา กรรมทางใจหรือมโนกรรมมีโทษหนักเพียงนี้ ทำมนุษย์ในชาติหนึ่ง ให้เป็นสัตว์ในอีกชาติหนึ่งก็ได้ ที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือเมื่อเป็นสัตว์แล้ว ก็ยังระลึกถึงครั้งเมื่อเป็นมนุษย์ได้ จะเดือนร้อนใจเพียงไหน พระพุทธเจ้ารับสั่งห้ามไม่ให้นำจีวรไป เพราะเล็นที่เป็นเจ้าของจีวรครั้งยังเป็นพระภิกษุนั้นหวงอยู่ ถ้านำจีวรไปก็จะโกรธแค้นขุ่นเคือง จะทำให้ไม่ได้ไปเสวยผลแห่งกรรมดีที่ได้กระทำไว้แล้วเป็นอันมาก อำนาจกรรมแม้เพียงมโนกรรมทางใจ ไม่ได้ปรากฏเป็น กายกรรม วจีกรรม ถึงเป็นการเบียดเบียนทำร้ายผู้ใด ก็ยังมีอำนาจใหญ่ยิ่งเพียงนี้ พระพุทธเจ้ายังทรงเตือนให้ระวัง ทุกคนจึงควรระวังให้จงหนัก 


O กรรมส่งผลแน่นอนต่อผู้กระทำ 

ทุกวันนี้มีข่าวฆ่าฟันกันอย่างทารุณโหดเหี้ยม มิได้เว้นแต่ละวันพบแล้ว เห็นแล้ว ก็ให้นึกถึงกรรม เคยฆ่าเขามาก็ถูกเขาตามมาฆ่า คนละภพคนละชาติ ข้ามภพข้ามชาติแล้วก็ยังตามกันมาได้ มาส่งผลได้ เรื่องกรรมเป็นเช่นนี้ จึงน่ากลัวกรรมนัก พึงกลัวกรรมนัก ไม่พึงคิดว่าการเชื่อว่าการฆ่าฟันตามล้างตามผลาญกัน เป็นเรื่องกรรมนั้นเป็นความเชื่อที่เหลวไหล ไม่มีเหตุผล ไม่พึงคิดเช่นนี้ เพราะไม่มีคุณอย่างใด จะถูกหรือจะผิด ถ้านึกเชื่อไว้ก่อนว่าเป็นเรื่องการให้ผลของกรรม ก็จะทำให้ไม่กล้าทำกรรมไม่ดีโดยตั้งใจ ก็จะพ้นจากผลของกรรมไม่ดีนั้น แน่นอน อุบัติเหตุในยุคนี้สมัยนี้ ที่รุนแรงก็มีมากมาย บางเรื่องไม่น่าเป็นก็เป็น บางคนไม่น่าประสบอุบัติเหตุเช่นนั้นก็ต้องประสบ ดูไปแล้ว คิดไปแล้ว ก็น่าจะรู้สึกว่าอุบัติเหตุอย่างนั้นๆ เกิดขึ้นเพื่อให้คนนั้นคนนี้ต้องบาดเจ็บหรือล้มตายไปเท่านั้น 
เมื่อคิดเช่นนี้ เพราะไม่อาจคิดเป็นอื่นได้ ก็ย่อมจะทำให้คิดว่าต้องเป็นเรื่องที่กรรมจะส่งผลแก่ผู้นั้น ในที่นั้น ในเวลานั้น อุบัติเหตุจึงต้องเกิดขึ้นดังนี้ การถูกฆ่าของเด็กไร้เดียงสาหาความผิดไม่ได้ ซึ่งปรากฏขึ้นบ่อยๆ ในยุคนี้ น่าจะทำให้ความเชื่อในเรื่องกรรมและการทำให้ผลของกรรมหนักแน่นขึ้น ทำไมต้องเป็นเด็กคนนั้นที่ถูกฆ่าทั้งที่ไม่ได้มีเรื่องขุ่นเคืองโกรธแค้นกัน อยู่ดีๆ มีความสุข ก็ปุบปับถูกนำไปประหัตประหาร ในฐานะเป็นผู้ดู จงดูด้วยความรู้สึกกลัวกรรม ไม่ควรดูด้วยความรู้สึกอาฆาตขุ่นเคือง เพราะจะไม่เป็นคุณแก่จิตใจตนเอง มีแต่จะเป็นโทษ รู้แล้ว ปลงลง นี่แหละอำนาจของกรรมยิ่งใหญ่นัก พึงกลัวนัก 

O ใจจักร้อนรุ่ม ถ้าไม่เข้าใจเรื่องกรรมและผลกรรม 

แม้ในฐานะเป็นผู้ดู มิใช่ผู้พลอยได้รับความเดือนร้อนทนทุกข์ทรมานด้วย ถ้าไม่สามารถทำใจอบรมใจให้เข้าใจในเรื่องของกรรมและการให้ผลของกรรมได้แล้ว เมื่อตนต้องเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยในเหตุการณ์อันร้ายแรง ก็ย่อมยากที่จะช่วยใจตนเองให้พ้นจากความร้อนได้ แม้เพียงพอสมควร 

O รับรู้สิ่งใด พึงถือโอกาสอบรมจิตใจเรื่องกรรม 

เรื่องร้ายแรงที่เราไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เกิดขึ้นอยู่มากมายทุกวัน ทุกคืน แม้จะอยู่ในบ้านเรือนตนสมัยนี้ก็สามารถรับรู้ได้ เห็นได้ ได้ยินได้ พึงถือโอกาสอบรมใจตนเองให้เชื่อในเรื่องของกรรม กรรมน่ากลัวเพียงไร คิดให้ดี เมื่อกรรมมาถึง หนีได้หรือไม่ คนดีในชีวิตนี้มิใช่ว่าจะไม่เคยทำกรรมไม่ดีมาก่อนในอดีตชาติ 
ดังนั้น จึงปรากฏย่อยๆ ว่าคนดีแสนดีกลับต้องได้ความทุกข์หนักหนา ด้วยโรคภัยไข้เจ็บบ้าง ด้วยความไม่สมหวังในเรื่องใหญ่โตสำคัญแก่จิตใจบ้าง เป็นเหตุให้ต้องเศร้าหมองทรมานอย่างยิ่ง 


O ผู้มีปัญญาพึงรับผลของกรรมให้ถูกต้อง 

เราได้รู้ได้เห็นอย่าพิศวงสงสัย อย่าได้คิดผิดว่าคนทำดีไม่ได้ดี แต่จงวางใจให้ถูก ให้เป็นประโยชน์แก่ตน วางใจลงในกรรมที่สลับซับซ้อนยิ่งนัก ยากที่จักเข้าใจ แต่ก็ไม่ยากที่จะเชื่อไว้ก่อน อะไรที่เชื่อไว้ก่อนแล้วไม่มีโทษมีแต่คุณ ผู้มีปัญญาแม้พอสมควรย่อมไม่ดื้อปฏิเสธ การรับผลของกรรมนั้นสำคัญมาก สำคัญทั้งการับผลของกรรมชั่วและการรับผลของกรรมดี ไม่สำคัญแต่เพียงการรับผลของกรรมชั่วเท่านั้น การรับผลของกรรมดีก็สำคัญ การรับผลของกรรมดีนั้น ถ้ารับไม่ถูกก็มีโทษร้ายแรงแก่จิตใจน่าจะรุนแรงกว่าการรับผลของกรรมชั่วอย่างไม่ถูกวิธีเสียอีกด้วย ผู้ทำกรรมดีไว้เป็นบารมี ส่งให้ชาตินี้สมบูรณ์พร้อม แม้รับผลแห่งกรรมดีหรือผลของบารมีไม่ถูก ผลเสียที่จะเกิดตามมาคือ ความหลงตน อันความหลงตนนั้นจะพาความหลงอีกมากมายให้ตามมา เป็นโทษมหันต์นัก 

O ผลของกรรมดีและกรรมชั่ว มีคุณและโทษในตัว 

ผลของกรรมดีและผลของกรรมชั่ว มีทั้งคุณและมีทั้งโทษอยู่ในตัว คุณหรือโทษจะปรากฏตามการวางใจรับผลนั้น ผลของกรรมดีที่เกิดแก่ผู้ใดก็ตาม แม้ผู้นั้นวางใจรับไม่ถูก ไม่ประกอบด้วยปัญญา ผลดีก็จะไม่สมบูรณ์ ทั้งผลร้ายก็จะต้องตามมา 

O การทำใจให้รับผลของกรรมดีอย่างถูกต้อง 

ผู้ได้รับผลดีของกรรมดี คือ การได้ประสบโลกธรรมฝ่ายดี คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข นั่นเอง ต้องรับให้ดี ต้องรับให้ถูก วิธีทำใจให้รับโลกธรรมอย่างถูกต้องที่สุดก็คือให้คิดว่า ลาภก็ตาม ยศก็ตาม สรรเสริญก็ตาม สุขก็ตาม ล้วนอยู่ในลักษณะของไตรลักษณ์ คือไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ต้องเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นไปตามความปรารถนาต้องการ ได้รับผลดีของกรรมดี คือ ได้ประสบโลกธรรมฝ่ายดีเมื่อไร เมื่อนั้นให้ถึงคิดไตรลักษณ์ให้ทันที จะรับผลดีของกรรมดีที่ดียิ่งกว่าผลดีทั้งนั้น การคิดถึงไตรลักษณ์ ความไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลง และไม่เป็นไปตามความปรารถนาต้องการ คือ การทำความดีทางใจ 
เป็นมโนกรรมที่ดี จึงย่อมได้รับผลเป็นความดีตรงตามเหตุที่ได้กระทำ ที่จริงมโนกรรม กรรมทางใจ คือ คิดดีนั้น แม้ตั้งใจจริงที่จะทำก็น่าจะง่ายกว่ากรรมทางกาย ทางวาจา เพราะเรื่องของความคิดเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจของเราเองอย่างแท้จริง ไม่เกี่ยวกับผู้ใดหรืออะไรเลย ความคิดอยู่กับเราจริงๆ ไม่มีผู้ใดอาจล่วงล้ำก้ำเกิดไปบังคับบัญชาได้ 

O การทำใจเมื่อได้รับผลของกรรมชั่วอย่างถูกต้อง 

ได้รับผลของกรรมชั่ว คือ ได้ประสบโลกธรรมฝ่ายไม่ดี ก็ควรต้องทำใจให้รับให้ถูก เช่นเดียวกับการทำใจรับโลกธรรมฝ่ายดีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะปล่อยใจให้ตกอยู่ในอำนาจของความทุกข์ ความเศร้าเสียใจ หรือความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท รับผลไม่ดีของกรรมไม่ดี ด้วยวิธีคิดเช่นเดียวกับเมื่อได้รับผลดีของกรรมดี คือ คิดถึงไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลง และไม่เป็นไปตามความปรารถนาต้องการของผู้ใดทั้งสิ้น ทุกข์แล้วก็สุข เป็นธรรมดา 

O ผลของกรรมเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา 

ทั้งผลของกรรมดี และผลของกรรมชั่ว ล้วนมีลักษณะสาม คือ ไม่เที่ยง ทนทุกข์อยู่ไม่ได้ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นไปตามความปรารถนาต้องการของผู้ใด กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทั้งผลของกรรมดีและกรรมชั่วนั้น เมื่อเกิดแล้วก็ต้องดับ ไม่มีที่จะยั่งยืนอยู่ได้ตลอดไป 

O พึงละความยึดมั่นในผลของกรรมทั้งปวง 

สิ่งทั้งปวงเกิดแล้วต้องดับ คือมีลักษณะสาม มีลักษณะเป็นไตรลักษณ์ โลกธรรมผ่ายดีคือผลของกรรมดีก็เช่นกัน เกิดแล้วต้องดับ โลกธรรมฝ่ายไม่ดีคือผลของกรรมไม่ดีก็เช่นกัน เกิดแล้วต้องดับ เมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อรู้เช่นนี้ตามเป็นจริงแล้ว ก็พึงละความยึดมั่นในผลของกรรมที่ได้ประสบอยู่ ไม่ว่าจะเมื่อประสบผลดีหรือเมื่อได้ประสบผลชั่วก็ตาม 

O ถึงทุ่มเทจิตใจให้กระทำแต่กรรมดี 

ความยึดมั่นถือมั่น เป็นความไม่ถูกต้อง พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ละ แต่เมื่อยังละความยึดทุกอย่างไม่ได้ ก็พึงทุ่มเทจิตใจให้ยึดมั่นการทำกรรมดี ยึดมั่นความเชื่อในผลของการทำความดี ว่าทำดีจักได้ดีจริง มีความยึดมั่นความเชื่อในผลของการทำความชั่ว ว่าทำชั่วจักได้ชั่วจริง ความยึดมั่นเช่นนี้จักเป็นทางนำไปดี ให้ได้ทำดี ไม่ทำไม่ดี ซึ่งก็ย่อมจักนำให้พ้นทุกข์โทษภัยของกรรมไม่ดี ได้รับแต่คุณประโยชน์สารพัดของกรรมดี